กีฬาและนันทนาการ
ประโยชน์ของการออกกำลังกาย
มาป้องกันมะเร็งด้วยการออกกำลังกายกันดีกว่า
มะเร็ง เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตสูงสุดอันดับหนึ่งในประเทศไทย ทุกชั่วโมงจะมีคนเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 7 คน ทุกวันจะมีคนเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 168 คน ทุกปีจะมีคนเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง 61,320 คน
ประโยชน์โดยทั่วไปของการออกกำลังกาย
-
การออกกำลังกายช่วยป้องกันมะเร็งได้
-
ทำให้จิตใจเบิกบานแจ่มใส
-
ร่างกายแข็งแรง เพิ่มภูมิต้านทาน
-
การออกกำลังกายยังช่วยป้องกันโรคหัวใจ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตสูงสุดอันดับสองในประเทศไทยอีกด้วย
ประโยชน์อื่นๆ ของการออกกำลังกาย
-
ป้องกันโรคกระดูกพรุน (OSTEOPOROSIS) ลดอุบัติการของกระดูกหักที่กระดูกสันหลัง, กระดูกสะโพก
-
ช่วยลดไขมันในเลือด โคเลสเตอรอล (CHOLESTEROL), ไตรกลีเซอไรด์ (TRIGLYCERIDE) เป็นการลดปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ, โรคหลอดเลือดสมอง, อัมพาต, อัมพฤกษ์
-
ทำให้คล่องแคล่ว ทรงตัวดี ลดการลื่นล้มบาดเจ็บ
-
ป้องกันและรักษาโรคเบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, โรคภูมิแพ้
-
ช่วยในการย่อย และดูดซึมอาหาร ลดท้องอืดท้องเฟ้อ ระบบขับถ่ายดีขึ้น ลดความอ้วน
-
โอกาสเกิดติดเชื้อน้อยลง
-
มีสมาธิในการทำงานดีขึ้น
-
ช่วยรักษาโรคซึมเศร้า ลดความเครียด
-
นอนหลับได้ดี
-
ชะลอความแก่ ความเสื่อมของสมรรถภาพทางร่างกาย ทำให้ดูหนุ่มสาวขึ้น ยืดอายุให้ยืนยาว
ชนิดของการออกกำลังกาย
-
เดินธรรมดา, เดินเร็ว
-
วิ่งเหยาะๆ
-
เต้นแอโรบิก, เต้นรำ
-
รำตะบอง, รำมวยจีน (ไทเก๊ก)
-
กิจกรรมเข้าจังหวะ
-
ปั่นจักรยาน
-
ว่ายน้ำ
ออกกำลังกายอย่างไรให้ได้ผล?
-
ควรเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิก (AEROBIC EXERCISE) คือการออกกำลังกายที่กล้ามเนื้อใช้ออกซิเจนในการสร้างพลังงานขณะออกกำลังกาย และเป็นการออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น แขน ขา ไปพร้อมๆ กัน ทำต่อเนื่องไม่หยุด 20 นาทีเป็นอย่างน้อย
-
การจะให้ได้ผลทางด้านสุขภาพต้องออกกำลังกายไม่น้อยกว่าวันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 20-30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง
-
ความหนักของการออกกำลังกายควรเป็นแบบหนักปานกลางง คือออกกำลังกายให้ชีพจรอยู่ระหว่าง 60-80% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด อัตราการเดินของหัวใจสูงสุดต่อนาที คือ 220-อายุ ตัวอย่างเช่น
-
ผู้ออกกำลังกายอายุ 65 ปี มีอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด 220-65 = 155 ครั้ง/นาที
-
60% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด (155x60)/100 = 93 ครั้ง/นาที
-
80% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด (155x80)/100 = 124 ครั้ง/นาที เพราะฉะนั้นชีพจร (อัตราการเต้นของหัวใจ) ของคนอายุ 65 ปี ขณะออกกำลังกายควรอยู่ระหว่าง 93-124 ครั้ง/นาที
-
จับชีพจร (ที่ข้อมือ หรือคอ) ก่อนออกกำลังกาย ขณะออกกำลังกาย และหลังออกกำลังกาย
-
มีการอบอุ่นร่างกาย (WARM UP) 5-10 นาที ก่อนออกกำลังกายเพื่อยึดกล้ามเนื้อ ข้อ เอ็น ป้องกันการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อเหล่านี้
-
มีการผ่อนคลายร่างกาย (Cool-Down) 5-10 นาที หลังออกกำลังกาย เพื่อให้ของเสีย เช่น กรดแลคติด (Lactic Acid) และสารเกลือโปแตสเซี่ยม ค่อยๆ ออกจากกล้ามเนื้อ และการหยุดออกกำลังการทันทีจะทำให้เลือดวิ่งกลับเข้าหัวใจไม่พอ ทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ ทำให้หน้ามืดเป็นลมได้
-
ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่ใช่ทำๆ หยุดๆ
-
สถานที่ใช้ออกกำลังกายควรเป็นพื้นที่เรียบ ไม่ขรุขระ ทางไม่ลาดชัน หรือเป็นเนินขึ้นลง มีอากาศถ่ายเทได้ดี
-
ควรออกกำลังกายหลังรับประทานอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ก่อนออกกำลังกายประมาณ 15 นาที ควรดื่มน้ำ 1 แก้ว และหลังออกกำลังกายอีก 1 แก้ว เพื่อชดเชยน้ำในร่างกายที่สูญเสียไปกับเหงื่อจากการออกกำลังกาย
-
มีเพื่อนร่วมออกกำลังกายด้วย ถ้าเกิดอุบัติเหตุ หรือมีอาการผิดปกติจะได้มีคนช่วยเหลือได้ทันท่วงที
หยุดออกกำลังกายเมื่อมีอาการ
-
เจ็บแน่นหน้าอก หัวใจเต้นผิดปกติจากเดิม
-
เวียนศีรษะ มึนงง ใจสั่น เหนื่อยหอบ หายใจไม่ได้เต็มที่
-
อ่อนเพลียมากผิดปกติ
-
สรุป การออกกำลังกายเป็นยาวิเศษ อย่าลืมออกกำลังกายกันนะจ๊ะ
|
โพสเมื่อ :
08 ธ.ค. 2565,00:00
อ่าน 174 ครั้ง
|